วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ชีวิตคืออะไร

ชีวิตคืออะไร[1]
พระอาจารย์สมภพ  โชติปัญโญ[2]
          ขอความเจริญในศาสนาแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  จงบังเกิดมีแด่เนกขัมมจารีเนกขัมมจาริณีทั้งหลาย โดยทั่วกันทุกท่านทุกคน ณ โอกาสบัดนี้  บทสวดเมื่อกี้เป็นบทเพลงแห่งชีวิต บทเพลงแห่งอริยะชนท่านสวด  บทสวดบทนี้ไพเราะมาก  ถ้าเราทำความเข้าใจให้ดีเราจะรู้ว่าคำสั่งสอนในทางพระพุทธศาสนา มันมีเพียงเท่านี้ว่า  ชีวิตคืออะไร   ชีวิตเป็นอย่างไร  ชีวิตควรจะให้มันเป็นอย่างไร  และจะจัดการกับชีวิตนี้อย่างไร  เป็นคำกล่าวของนางภิกษุณีบ้าง ของภิกษุผู้เป็นพระอรหันต์บ้าง ของพระพุทธเจ้าบ้าง   กระจัดกระจายอยู่หลายแห่งในเถรีคาถา เถรคาถา อาตมาเก็บมารวมกันเข้า  ในบทที่เราสวดมานี้ เป็นบทเพลงแห่งชีวิต  ตอนแรกจะบอกว่า ชีวิตนี้มีกายกับใจอาศัยกันอยู่ เหมือนบ้านกับเจ้าของบ้าน  กายเป็นบ้าน  จิตใจเป็นเจ้าของบ้าน   เมื่อบ้านพังทะลายลงเจ้าของบ้านก็จะไปปลูกบ้านใหม่  เมื่อไฟไหม้บ้าน เจ้าของบ้านก็จะวิ่งหนี  อะไรที่มีคุณมีค่าในบ้าน  เจ้าของบ้านก็จะถือเอาเงินทองข้าวของเพชรนิลจินดา  เพราะฉะนั้นท่านจึงบอกว่า  ยมกํ   นามรูปญฺจ  อุโภ  อญฺโญยนิสฺสาสิตา  กายกับใจนามกับรูปได้อาศัยกันอยู่  เป็นของคู่กันเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแตกสะลาย  ทั้งสองฝ่ายก็สะลายไป 
          ในการสะลายแยกไปนี้มันก็จะไปก่อเกิดขึ้นใหม่  ท่านจึงเปรียบร่างกายนี้เหมือนรถ    ยถาหิ  องฺคสมฺภารา  โหติ  สทฺโท   รโถ  อิติ  (สํ..๑๕/๕๕๔/๑๙๘) เปรียบเหมือนการประกอบชิ้นส่วนของรถเข้าด้วยกันคำเรียกว่ารถก็มีขึ้นได้    รถเก๋งที่จอดอยู่ตรงนั้นลองถอดชิ้นส่วนออกมาก็หมดความเป็นรถ  ร่างกายเรานี้มีดิน น้ำ ไฟ  ลม เป็นส่วนประกอบ  เดี๋ยวนี้เรากำลังหายใจเข้าหายใจออกตั้งแต่วันที่เราเกิดมา  นั้นคือเอาลมเข้าเอาลมออกหมุนเวียน   เรากินน้ำเข้าทุกวัน เราต้องถ่ายปัสสาวะหรือเหงื่อไคลไหลออกมาทุกวัน  เราบริโภคอาหารเข้าไปทุกวัน   เราก็ต้องถ่ายอุจจาระทุกวัน  นั้นเป็นส่วนดิน   ดิน น้ำ ลมไฟประกอบกันเข้าไหลเวียนอยู่ ที่นี้มันมีอีกตัวหนึ่งที่พิเศษไปกว่านั้น คือ จิตวิญญาณ  ตัวจิตวิญญาณนี้ท่านเปรียบ เหมือนพืช   พืชอย่างใดอย่างหนึ่งที่หล่นลง หว่านลงในพื้นแผ่นดิน พืชนี้มันจะเกิดขึ้นได้เพราะอาศัยปุ๋ยอาศัยอุณหภูมิในดินที่ว่ารสแห่งดิน  แล้วอาศัยยาง  ถ้าพืชนั้นมีเมล็ดไม่มียาง  อย่างข้าวรีบข้าวก็ไม่เกิด  อย่างเม็ดมะขาม เราเคยเอามาขั้วกิน  ถ้าขั้วให้มันแห้งแล้วเอาไปปลูกมันก็ไม่เกิด  เพราะว่ายางที่จะทำให้มันงอกนั้นมันหมดแล้ว  มันแห้งแล้ว  จิตของเราก็เช่นกัน   จิตก็มียาง  ภาษาบาลีเรียกว่า  เสน่ห์หา  หนุ่มสาวมีความรักใคร่กัน เราจะพูดคำหนึ่งว่า  เสน่ห์หาอาลัยใจเจียนขาด  พิศวาทคิดถึงเธออยู่ไม่รู้หาย   เสน่ห์หาคือยาง   เยื่อใยยางในใจ   เมื่อใดเรายังมีเสน่หา  มีรัก มีชัง มีความยินดี ยินร้าย นั้นคือยาง  ที่จะทำให้ชีวิตเกิด    เรามานั่งสมาธิอยู่ที่นี้เหมือนเราลองมานั่งขั้วยาง คือยางจิต    ยางใจนี้จะเป็นตัวทำให้เราไปเกิดใหม่   ลูกหลานที่เป็นนักศึกษาฝ่ายหญิง  อีกหน่อยจะเข้าใจดีกว่านี้  คือเมื่อเราตายไปจิตวิญญาณของเรามันไม่ได้ตายนะ  มันตายแต่กาย  
สังคมมีปัญหาเพราะคนไม่เชื่อเรื่องบุญบาป  
          มันเป็นปัญหามากที่สุดเดียวนี้ คือ ปัญหาที่คนไม่เชื่อว่าโลกหน้ามี ไม่เชื่อว่าชาติก่อนมี ไม่เชื่อว่าบาปมีบุญมี  เมื่อใดที่ผู้คนเห็นผิดอย่างนี้ เมื่อนั้นความเห็นแก่ตัวจะรุนแรง  เขาจะรับแต่ชอบไม่รับผิด  ผิดไม่เอา  แต่อะไรชอบใจฉันจะทำ   คนอื่นจะเดือดร้อนก็ตาม   ลูกไม่เชื่อฟังพ่อแม่ไม่เคารพพ่อแม่ เพราะลูกไม่เชื่อว่าบาปมีบุญมี  นรกมี สวรรค์มี ชาติก่อนมี ชาติหน้ามี  หัวเหลียวหัวต่อมันอยู่ตรงนี้   นักการเมืองที่โกงบ้านกินเมือง  กินได้เป็นล้านๆ สิบล้าน ร้อยล้าน พันล้าน   เขาไม่เชื่อว่าบาปมีบุญมี    ไม่เชื่อว่าชาติก่อนมี  ชาติหน้ามี  
          วันนี้ จะเห็นคนจูงคนตาบอดมาหาอาตมาอยู่ตรงนั้น  คนตาบอดคนนี้เขามาจากไหน  เขาบอกว่าเขาได้ยินแต่เสียงอาจารย์สมภพ   เขาอยากมาเห็น  อาตมาก็เลยถามว่ามันจะเห็นไหมล่ะมาถึงแล้ว   ไม่เห็นเลยว่างั้น   ถามว่าได้ยินเสียงที่ไหน  ที่สถานีวิทยุกองพล ป..อ ในกรุงเทพฯ  เขาจะเปิดประมาณตีสาม  แกไปอยู่ชมรมสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย  แกบอกว่าเมื่ออาจารย์สมภพแสดงธรรม เราจะแย่งวิทยุกันฟัง   มีตาบอดกี่คน   เขาก็บอกว่า ๒๘๐,๐๐๐ คน  ตาบอดคนนี้เขาอยู่วานรนิวาส  บ้านดอนบม   มันอยู่ใกล้ๆ บ้านแพด  เขาอยากเห็น   อาตมาก็เลยให้คนตาดีจูงแกมาจับมือ  แกก็มาลูบมือ บอกว่าเห็นแล้วทีนี้   อาตมาถามว่าเมื่อไม่เห็นอาจารย์สมภพนี่  เชื่อไหมว่าอาจารย์สมภพมี   ฮ้ยบ่มีบ้อคลำอยู่ป่านนี่ว่าซั่น  แล้วก็ถามต่อไปว่าไปอยู่กรุงเทพฯ   เห็นกรุงเทพฯไหม   ตอบไม่เห็น   เชื่อไหมว่ากรุงเทพฯมี   ฮ้วยมีตั้วผมไปอยู่กรุงเทพฯมา  ทั้งๆที่เขาไม่เห็นแต่เขาเชื่อว่ามี  มันก็มีจริงๆ   ตาบอดไม่เห็นสีขาวสีเหลืองสีแดง  ทั้งๆที่สีทั้งหลายมีอยู่   แต่ตาบอดก็ยอมเชื่อว่ามันมีตามคนตาดีพูด    พวกเราตาดีๆคือตาเนื้อแต่ไม่เห็นโลกหน้า  ไม่เห็นนรก  ไม่เห็นสวรรค์  ไม่เห็นชาติก่อน  เราจะปฏิเสธว่ามันไม่มีนี่  มันอาจจะโง่กว่าตาบอด   ทั้งที่ตาบอดเขาไม่เห็น  เขาก็บอกว่ามันมีในสิ่งที่มันมี  อันนี้เล่าให้ฟัง 
คนตายแล้วเหลือบุญบาปพาไปเกิด     
          ทีนี้  ในบทสวดบอกว่า  เพราะอาศัยรสแห่งแผ่นดินและเชื้อในยางแห่งพืช  พืชจึงเกิดขึ้น  พวกเราเมื่อเวลาตายไป  ร่างกายแตกสะลาย  ดินคืนไปเป็นดิน  ลมกลับไปเป็นลม  ลมหายใจเข้าหายใจออกก็ไปพัดหวิวอยู่บนฟ้าโน่น   ไฟที่เกิดความอบอุ่นเผาอาหารกินอะไรไปย่อยออกมาหมดบัดนี้ตัว  เย็นไฟกลับไปอยู่บนฟ้า   ส่วนน้ำเลือดน้ำหนองก็รีบแย่งกันออก  ขึ้นอืด  พอออกได้หมดก็ยุบเหลือแต่ดิน 
          ส่วนจิตวิญญาณไปไหน ?  ไปกับเมล็ดเหมือนเมล็ดพืชเอายางไป    ยางนี้มีอะไร ?   ยางของจิตนี้มี ๒ อันคือ ยางบุญกับยางบาป  ที่เราได้มาเกิดเป็นคนตาไม่บอดนั้นเพราะเรามีบุญ  ได้ทำบุญมามาก  ก่อนที่จะได้เกิดเป็นคนนี้แสนยากลำบาก   เอามดเอาปลวกมานับใส่พลเมืองของมนุษย์ในโลกนี้  สัก ๒ - ๓ รังก็มากกว่าคนแล้ว  เดี๋ยวนี้คนในโลกมีอยู่ประมาณ  ,๖๐๐ ล้านกว่าคนก็คับแคบแล้ว  สัตว์ต่างๆมีมากกว่ามนุษย์
พระพุทธเจ้าตรัสว่า  ที่แท้สัตว์เหล่านั้นเขาก็เคยเกิดเป็นคนมาก่อน คนก็เคยเป็นสัตว์ต่างๆมาก่อนเช่นกัน     พวกเราก็เคยตาบอดเคยหูหนวกมาแล้วบางชาติ  เพราะบาปกรรมแต่ชาตินี้เราได้สร้างบุญมาแล้ว   อินฺทริยานํ  อเวกลฺลตา  ทุลฺลภา  โลกสฺมึ  (องฺ.ปญฺจ.๒๒/๓๖๗/๔๙๑)จึงมีอินทรีย์ครบถ้วน  ตาไม่บอดหูไม่หนวก  
          ตาบอดมาวันนี้มาทำไม ?   อาตมาเคยช่วยเขาซื้อดนตรีอิเลคโทนให้สมาคมคนตาบอดภาคอีสาน  เคยไปสร้างบ้าน  สร้างห้องน้ำให้   อาตมาถามตาบอดคนนั้นว่า  โยมฝันไหมตอนกลางคืนเวลานอน  ตอบว่าฝัน  ฝันเห็นแสงสว่างไหม  แกฝันก็บอดเหมือนกัน  พวกเราฝันกลางคืนก็สามารถมองเห็น  นั้นจิตวิญญาณเราไม่ได้บอดใบ้ไปด้วย  เพราะเหตุนั้น    ขอให้เราภูมิใจเถิดว่าเราเกิดมาเป็นมนุษย์เพราะเยื่อใยยางอันเป็นบุญ   เราได้สั่งสมบุญไว้แล้ว  มีพ่อแม่  มีบ้านมีเรือน  ได้ศึกษาเล่าเรียนมาดี 
          วันนี้  ไม่มียุงแมลงพวกนี้มาแทน  ให้มันไต่หน่อย  โลกนี้ไม่ใช่โลกของเราคนเดียว  อยู่ด้วยกัน  พวกสัตว์ทั้งหลายเขาก็เกิดมาร่วมโลก  ปันกันอยู่   วันนี้ถือศีลแล้วอย่าไปตบแปะมัน   โยมคนหนึ่งมาจำศีลกับหลานน้อย  ปาณาติปาตา  เวระมะณี   แม่ใหญ่เพิ่นว่าหยังว่าซั่นหลานถามว่า  พระท่านพาเราพูดว่าอะไร  ยายบอกว่าอย่าฆ่าสัตว์นะ  พระท่านบอกว่าเว้นจากการฆ่าสัตว์  สักพักหนึ่งยุงมาจับคุณยายตบเพี๊ย  หลานก็เลยถามว่ายายตียุงทำไม มันไม่ใช่สัตว์หรือ ?   คุณยายว่า ยุงมันไม่มีกระดูกไม่เป็นไรหรอก    โอ..อันที่ไม่มีกระดูกไม่เป็นไรใช่ไหมยาย  พอไปถึงบ้าน ยายไปถึงไปแกงหอย   ทีนี้ไปต่อยก้นหอย กลัวมันจูบไม่ออก    ฟันจั๊ว  เอ้า.ยายหอยมันมีกระดูก  ไปฟันมันทำไมยายบอกว่ามันไม่มีก้นไม่เป็นไรหรอก  เพราะฉะนั้นเราไม่เอาเหมือนยายคนนั้นนะ  วันนี้ถือศีลแล้วไม่ฆ่า  ให้เขาจับเราบ้างไม่เป็นไร  เรากำลังมาสร้างบารมี  แมลงเหล่านี้กำลังมาช่วยให้เราสร้างบารมี 
ฝรั่งติดเอดส์ปฏิบัติธรรมแล้วไม่ตาย    
          อาตมา มาอยู่วัดนี้ตั้งแต่ปี ๒๕๒๙  ยังไม่มีศาลา  ไม่มีอะไร  กุฏิก็ไม่มี  กางกรดอยู่  มีฝรั่งหนุ่มชาวออสเตรเลีย  มิสเตอร์ฟิลลิปส์  เนลสัน  ช่วงนั้นเป็นเด็กอายุ ๒๔ ปี  แกเป็นหืด   ไม่มีใครรู้ว่าแกเป็นโรคเอดส์   สมัยนั้นประเทศไทยยังไม่กลัวเรื่องเอดส์หนังสือพิมพ์พึ่งจะลง  เขาตรวจเลือดพบเอดส์อยู่ประเทศเขา  บ้านแกอยู่ที่เมืองมาลัมบิมบี้  นิวเซาท์เวล  หมอบอกว่าแกจะต้องตายภายใน ๔๐  วัน  ช้าที่สุด ๖๐ วัน  ไอ้ฝรั่งก็เลยคิดว่าไหนๆก็จะตายแล้ว  ต้องสนุก  Eat and drink,  we merry tomorrow  we  may dead  ว่ากินเข้าไปสนุกสนานเข้าไปพรุ่งนี้ฉันจะตาย   แกขอวีซ่าบินมาประเทศไทยเอาเอดส์มาแพร่ ที่สามเหลี่ยมทองคำไปหาซื้อกัญชา ยาฝิ่นสูบ  สูบแล้วเที่ยว    บังเอิญเป็นโชคดีของประเทศไทยหรือโชคร้าย  ไปพบอาตมาพอดี   เอดส์ก็เลยไม่ได้ขยายเท่าไร 
          วันนั้น  อาตมาเดินจงกรมอยู่   เดินอยู่ในป่า  แกคงไม่เคยเห็นพระเดินจงกรม  มันเดินไวไม่ได้นะ  พระท่านค่อยไป    เห็นฝรั่งคนหนึ่งหัวแดงๆ  ใส่แว่นตาเลแบนสีดำ   เป้เต็มหลังเอามือมาค้ำสะเอว  why  the  monk  walking  slowly ? ทำไมพระถึงเดินช้าๆ   อาตมาบอกว่า  ที่ฉันเดินช้าๆนี่  เดินเพื่อจะศึกษาเรียนรู้เรื่องราวของชีวิต  I try  to  learn  try  to  know  my  life.  ฉันพยายามที่เรียนรู้ชีวิตของฉัน  ฝรั่งไม่เคยได้ยินคำนี้   เอ๊..เรียนรู้ชีวิตอย่างไรต้องมาทำอย่างนี้   รู้อะไร ?  ก็เลยบอกว่ารู้  same  and  same  object. ระหว่างประสาทกับสิ่งที่มากระทบ  คือตา  หู  จมูก  ลิ้น  กาย  ใจ  ต้องทำความรู้จักกับมัน  แล้วมันจะ   Original  ขึ้นมา    เขาสนใจ   วันนั้นไม่กลับ   อาตมาเลยเทศน์ให้ฟัง   เราเดินขึ้นกุฏิมันก็ขึ้นไปด้วย  เรานั่งข้างล่างมันขึ้นไปนั่งข้างบนโน่น  เพราะเขาไม่รู้  พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า  ไม่ให้ถือในสิ่งที่เขาไม่รู้จักเรา  อาตมาก็พูดว่า  ถ้าคนไทยเขามาเห็น ยูนั่งอยู่ข้างบนที่สูง   ไอนั่งที่ต่ำกว่านี่นะ  เขาจะรู้สึกว่ามารยาทของยูไม่งาม  Bad  of  manner  พอเราพูดอย่างนั้น  เขารีบลงมาขอโทษเลย  เพราะเขาไม่รู้  เขาก็ไปนั่งข้างล่าง  คุยกันเรื่องปฏิบัติธรรมเรื่องเรียนรู้ชีวิต    อาตมาบอกว่า  รู้ชีวิตนี้จะรู้ให้มันชัดจะต้องดูที่ลมหายใจเข้าหายใจออก มันคิดอะไร    
          แกเกิดสนใจขึ้นมา  ๓ วันมาสอบถาม  อาตมาก็เลยบอกว่า ถามมานี่ ๓วันแล้วนะ  ตอบกันมา ๓ วันยังไม่จบยังไม่รู้เรื่องเลย   ถามไปอีก ๓ ปีก็จะไกลไปอีก ๓ ปี  เอาอย่างนี้ดีกว่าปฏิบัติเลยถ้าอยากรู้  ไอ สั่งอย่างไรต้องทำต้องปฏิบัติมันจึงจะรู้    ฝรั่งถามว่ากี่วัน ?   อาตมาบอกว่าวันเดียวก็ได้  หรืออาจจะแสนชาติก็ได้   ทำไมมันไม่แน่นอน   มันเป็นอกาลิโก (ไม่จำกัดกาลเวลา) แกก็ใจถึง   อาตมาย้ายมาอยู่ที่นี่แกก็ตามมา   ที่นี่อากาศมันร้อน  ถือศีล ๘ เหมือนพวกเธอ ใสุ่ดขาวโกนผม  นั่งสมาธิไม่ได้ดอก  ไม่เหมือนพวกเรานั่ง   หัวเข่ามันไม่ลงเหมือนลิงอุ้มแตงโม  แกก็พยายามมากเลยหาที่พิง  เวลาตีระฆังมานั่งสมาธิ  ถือหมอนมารองก้น  not  go  down  my  knee. “หัวเข่าของข้อยมันไม่ลงให้   
          วันหนึ่ง  อาตมาก็เลยว่า  เอาไหมจะให้เณรมาช่วยกดสองข้างให้ค่อยๆ  good  idea   เป็นความคิดที่ดีมากแกว่า     อาตมาจึงเรียกเณรน้อยมาจากบ้านเชียงแหว  กุมภวาปี ๒ รูปซึ่งมาอยู่ด้วยตั้งแต่เล็กๆ  เณรๆมานี่  มากดหัวเข่าฝรั่งให้หน่อยคนละข้างนะ   ค่อยๆกดนะ     ฝรั่งแกก็เจ็บแกดิ้นบอกว่า  die  die  die  แปลว่าตาย   เณรน้อยเข้าใจว่าได้แล้ว    ก็ยิ่งขย่มใหญ่เลย  ฝรั่งแกร้องไห้โฮเลย  แกร้องทุกข์ใหญ่เลย  ผมบอกว่า ตายเณรไม่ยอมหยุดเลย   ทีนี้ อาตมาก็เลยบอกว่า  เอาล่ะ ในเมื่อสมาธิมันทำไม่ได้   ก็เอาสติสัมปชัญญะไม่เอาสมาธิ    ให้แกเดินจงกรม  เดินดูลมหายใจเข้าหายใจออก  เดินแล้วมองดูไปข้างหน้า ๒๓ วา  หายใจเข้ายาวๆ   ไม่ต้องนั่ง    นั่งสักหน่อยแล้วเดิน   มันคิดอะไรให้รู้จักว่ามันคิด  แกก็เดินบอกง่ายด้วยเดินไปเดินมา
          สักพักหนึ่งมาถามว่าเอาตาไปไว้ไหน   เอ้า ตาเจ้าอยู่ง่อนพุ่นบ้อ   แกถามว่าจะให้มองไปที่ไหนล่ะครับ  บอกว่ามองไปข้างหน้าสัก ๓-๔ เมตรก็พอ   เดินไปเดินมาได้ ๒-๓ รอบมาอีก  ๔เมตรก็เห็นแต่จมูก  เพราะเขาจมูกยาว   I  see  the  my  nose   ถ้ามันเห็นแต่จมูกก็มองไปไกลๆไปโน่น  ทีนี้ แกก็มองไปเป็น ๑๐ เมตร มันก็เลยข้ามจมูกไป  ก็เดินจงกรมเดินไปเดินมามันคิดอะไรให้รู้ว่ามันคิด  Know, after  know, know, again  know  รู้แล้วรู้อีกรู้อีกรู้แล้ว  แล้วๆเล่าๆ  อยู่ตรงนั้น 
          ทีนี้  แกไปนั่งสมาธิ  หน้าแล้งแมลงวันมันเยอะ  แมงขี้นาค  บ้านนอกมันตอมฝรั่ง  ตอมหน้าตอมตา   ครั้งแรกนั่งหลับตาก็มาเจาะที่ตา  มันกินเหงื่อคน แมงขี้นาคนี้มันชอบกินเหงื่อคนมันก็มาซอนไซเข้า  ตา  แกก็ลืมตาขึ้นไล่    สักพักหนึ่งก็ตบเลยทีนี้  I  see  you. You  die . กูเห็นล่ะมึงตาย   นั่งตบแมลงอยู่ตรงนั้น  แล้วไม่ได้นั่งสมาธิ  I  see  you. You  die. กูเห็นมึง มึงตายมื้อนี่   อาตมาก็ไปแอบดู  เราถือศีล ๘ นะ  อย่าไป  see  you. you  die   เห็นก็ไม่ต้องตบมัน   ทีนี้เอามุ้งมากาง  กางมุ้งกลางวัน อากาศมันร้อนแกไปอาบน้ำเปียกโชกทั้งตัว เปียกหมดทั้งเสื้อทั้งผ้าแล้วก็มานั่ง   ฝรั่งเขาเคยอยู่เมืองหนาวมาอยู่เมืองร้อน  โอ้ย..ลำบากกว่าเรามากนะ   เขาอดทนสู้มากเลย   นานๆเข้าเหมือนควายเผือก  แดงจึ่งคึ่ง  แล้วถอดเสื้อออกนั่งเฉย  เอาไปเอามาแกเก่ง  นั่งสมาธิได้ ๒ ชั่วโมงไม่ต้องพลิก  ฝึกจนเก่ง
          ทีนี้  แกเคยสูบบุหรี่  แกต้องการเลิกบุหรี่  เพราะที่นี่ไม่ให้สูบบุหรี่  พระเณรสูบบุหรี่ไม่ได้   ฝรั่งก็สูบไม่ได้    แกว่าจะค่อยๆเลิก   พอบอกให้รู้ความคิดแกก็บอกว่าวันๆไม่ทำอะไร คิดจะสูบแต่บุหรี่  พอเรารู้มันก็หยุดคิดอีก  รู้อีกมันก็หยุด  คิดอีกรู้อีกมันก็หยุด  ในที่สุดความคิดอยากจะสูบบุหรี่มันก็หายไป 
          วันหนึ่ง  ถามอาตมาว่า   did  you  know  aids ? อาจารย์รู้จักเอดส์ไหม  I just  to know  reading  in  the  newspaper .ฉันพึ่งจะรู้  อ่านในหนังสือพิมพ์  เขาบอกว่ามันเป็นโรคชนิดหนึ่งเป็นโรคที่น่ารักมาก  คือมันไม่ตายทีเดียว   โรคเอดส์นี้จะเป็นโรคที่จะเปิดทางให้โรคอื่นตามมา   เอดส์  แปลว่า  เพิ่ม  โดยที่จะตามพิฆาตเป็นโรคอื่น โรคมาลาเรีย วัณโรค โรคอะไรต่อมิอะไรจะตามมา   คือโรคขาดแคลนภูมิต้านทาน  Lacking Immunity เขาบอกว่าผมเป็นโรคเอดส์  หมอบอกผมจะตายภายใน ๔๐ วันช้าที่สุด ๖๐ วัน  จนวันนี้ทำไมผมยังไม่ตาย  แม้เธอจะไม่ตายเพราะโรคเอดส์  เธอก็จะตายอยู่ดี  ถ้าไม่ตายเพราะโรคอะไร  ก็จะแก่ตาย   ชรมฺปิ  ปตฺวา   มรณํ   เอวํ  ธมฺมา  หิ  ปาณิโน  (ขุ.ขุ.๒๕/๓๘๐/๔๔๘)  แม้จะอยู่ได้ถึงชราก็ต้องตาย  เพราะสัตว์ทั้งหลายย่อมเป็นอย่างนี้ตามธรรมดา  แต่เธอไม่ต้องกลัว โรคเอดส์เป็นโรคขาดแคลนภูมิต้านทาน  ถ้าเธอมีสมาธิ  สมาธินี้จะเป็น  Immunity  เป็นภูมิต้านทาน   ถ้าเธอมีสติทุกลมหายใจ  ทุก  object  มันคิดอะไรขึ้นมา   เธอรู้มันอยู่  ความรู้ที่มีอยู่ทุกขณะ  มีสติอยู่นี่จะเป็นระบบ  anti  biotic   คือต่อต้านเชื้อโรคภายนอกที่จะเข้ามา   โรคเอดส์จะเข้ามาไม่ได้    ถ้ามีอยู่แล้วก็จะมีภูมิต้านด้วยสมาธิ  เดี๋ยวนี้แกก็ยังไม่ตาย  
          แกมาอยู่ที่นี่ถึง ๔ ปี  เราได้นั่งศาลาหลังนี้   สระน้ำนี้แกซื้อถวาย   ไม่ยอมมีเมียเลยตราบเท่าทุกวันนี้    แต่แกเป็นโรคหืด  ถ้าฝนจะตกฟ้าจะร้อง  อาการจะขึ้นมาทันที  แกก็เลยไปอยู่บ้าน  นิมนต์อาตมาไป ๕๖ ครั้ง   แกอยากจะถวายที่  เพราะมรดกที่พ่อแม่เอาให้นั้นแกบอกว่าแกไม่อยากมี  แกอยากจะไปบวช  พอดีที่เมืองซิดนีย์มีวัดอยู่แล้วแกก็ไปวัด  เจ้าอาวาสวัดที่นั่นเขียนจดหมายมาถามเรื่องประวัติแก  ในวันคริสต์มาส ชาวฝรั่งต้องไปรวมกันครอบครัวอบอุ่นบิดามารดาลูกหลาน  แต่วันคริสต์มาส   มิสเตอร์ฟิลลิปส์  ไปที่วัดเป็นกุ๊กทำอาหารถวายพระ  พระก็เลยแปลกใจว่า  เอ้..วันนี้วันคริสต์มาส ฝรั่งหนุ่มคนนี้ทำไมมาทำอาหารถวายพระ  แกเลยเล่าให้ฟังว่าแกไปฝึกสมาธิอยู่เมืองไทยมา  รู้จักที่นี่ 
การปฏิสนธิวิญญาณของชีวิต 
          อันนี้เล่าให้ฟังว่า  เรื่องสมาธินี้ไม่ใช่เรื่องยากหรอก  ฝรั่งยากกว่าเราเยอะเลย  เมื่อเราฝึกไปบ่อยๆมันก็จะเป็นยางจิตยางใจ  สิ่งใดก็ตามที่มันเกิดมาเป็นอุปนิสัยใจคอ  สิ่งนี้แหละเรียกว่า   เยื่อใยยาง   เหมือนพืช  เอาหวานเอาส้มมาจากไหน  มันเกิดมาจากเยื่อใยยางมัน    ยางนี้มี ๒ อันคือ  ยางบุญกับยางบาป  สิ่งที่เราทำนั้น  ไม่ว่าจะดีหรือชั่ว  จะเป็นคุณสมบัติในจิต  เมื่อเราตายไปจิตนั้นไม่ตายมันจะไปเกิดไหน  ภาษาบาลีท่านเรียกว่า  วิญฺญาณโสตํ  กระแสแห่งวิญญาณ  เหมือนกระแสไฟฟ้า  ผู้ใดเรียนไฟฟ้าผู้ใดได้เรียนคอมพิวเตอร์  ก็จะรู้ว่าคอมพิวเตอ์  แผ่นดิสก์  ซีดี  อะไรต่างๆ  กลายเป็นคุณสมบัติ  เวลาไปเกิดใหม่  ปฏิสนธิวิญญาณ    ปฏิ  แปลว่า  อีก  สนธิ  แปลว่า  ต่อ  ปฏิสนธิวิญญาณ  แปลว่า  วิญญาณมาต่อเข้าอีก  ฝรั่งใช้คำว่า  Re-linking consciousness   คือมาต่อเข้าอีก  ผู้หญิงเวลาท้องจะเริ่มฝัน  คือวิญญาณจะเข้ามาต่อตรงนี้  ปฏิสนธิ  วิญญาณนี้มาต่อ 
          ถ้าวิญญาณดี  ลูกนั้นจะเกิดเป็นลูกดี  จะเชื่อฟังถ้อยคำหรือจะสร้างคุณความดีให้แก่วงศ์สกุล  ให้พ่อแม่อบอุ่นใจ  เจริญในครอบครัว  แม่คนนั้นจะเริ่มฝันได้เพชรนิลจินดา  ได้ของมีค่าของที่พอใจ  หรือบางทีมันได้แล้วก็หายไป  นั่นแสดงว่าลูกนั้นจะเกิดมาให้ความรักความมั่งคั่งและตายจากแม่ยังหนุ่มๆอยู่  ตัวอย่างที่บ้านแพดนี่   บ้านหลังนี้  มีกำแพง  อยู่ทางขวามือ ลูกคนหัวปีเกิดมา   พ่อแม่ จ้น..จน เดี๋ยวนี้มีรถสิบล้อมีอะไรต่ออะไรรวยมากกว่าเขาหมดเลยในหมู่บ้าน   เด็กนั้นทำอะไรแทนพ่อแทนแม่   ดูแลบัญชี  ไปซื้อของที่อุดรฯ   อายุ ๑๙ ปีตาย  พ่อแม่ต้องโศกเศร้ารำพึงรำพัน  คิดถึงร้องห่มร้องไห้  เขาบอกว่าก่อนที่เขาจะตั้งท้อง  เขาฝันได้สิ่งที่ดีที่งามมากดูแล้วปลื้มใจต่อมามันหาย   มันจะบอกในความฝัน   พอตั้งท้องปั๊บวิญญาณนี้มาต่อเข้าปั๊บ  ก็จะแสดงขันธ์ทั้ง๕  ภาษาบาลีว่า  ขันธ์   แปลว่า  กลุ่ม  ตรงกับภาษาฝรั่งว่า  Groups Aggregates Existence   คือกลุ่มแห่งกายเรียกว่ารูปขันธ์ (Corporeality)  กลุ่มแห่งความรู้สึกเรียกว่า เวทนา (Sensation)    กลุ่มแห่งสัญญา (Perception)  กลุ่มแห่งสังขาร คือความคิดปรุงแต่ง  (Volitional activities)   กลุ่มแห่งวิญญาณ  (Consciousness)   ๕ กลุ่มนี้รวมกันเป็นต้นชีวิต  เรียกว่า  ขันธ์ ๕   

วิญญาณปฏิสนธิบ่งบอกชาติกำเนิด     
          ทีนี้  ขันธ์ ๕ ตัวนี้มาต่อรวมกับวิญญาณแม่  ขันธ์ ๕ เริ่มทำงานแม่จะเริ่มอยากกิน  ผู้ที่เป็นแม่เริ่มแสดงความรู้สึก  ของวิญญาณใหม่  แม่บางคนวิญญาณชั่วมาเกิดด้วย   พอเริ่มตั้งครรภ์ปั๊บ   อยากกินเหล้าอยากสูบบุหรี่  ทั้งๆที่เป็นผู้หญิงไม่เคยสูบ  บางคนอยากไปหากินขี้ดิน  ตั้งท้องไปหากินดินอร่อย  บางคนอยากกินสิ่งที่ตนเองไม่เคยอยากจนจะล้มจะตายผัวต้องไปหามาให้  บางคนพอตั้งครรภ์ปั๊บเห็นหน้าผัวไม่ได้เกลียดชัง  กิริยาอาการไม่น่ารักน่าเกียดน่าชังไปหมดเลย  ฉันอยากจะฆ่าเธอทิ้ง  ทั้งๆที่ใจจริงแม่รักพ่อมาก  แต่วิญญาณนี้เป็นวิญญาณศัตรูมาเกิดล้างแค้น 
          คงเคยได้ยินข่าวใหญ่ข่าวหนึ่งในประเทศไทย  เศรษฐีชาวเมืองอุบลราชธานี  ถ้าผู้ใดไปเมืองอุบลฯ จะเห็นโรงแรมปทุมรัตน์ ๗ ชั้นทางขวามือ  ทางเข้าไปถนนชยางกูรนี่  อาตมาไปเทศน์บ่อยที่สถานีวิทยุ ๐๘ ทหารอากาศอุบลฯ  เขาออกอากาศทุกวัน เสี่ยคนนี้รวยมากเคยเป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง  เป็นนักการเมือง เป็นนักธุรกิจ  มีโรงเรื่อย  โรงสี  โรงน้ำแข็ง มีเรือเดินสมุทร  รวยมหาศาลประมาณ ๗ พันล้านบาท  ลูกชายหน้าตาหล่อเหลาดูในภาพ  เรียนจบจากเมืองนอกมา  ไม่ใช่หน้าตาของคนทุกข์คนยาก  ไม่ใช่หน้าตาคนชั่วน่าจะเป็นคนดี  ข่าวใหญ่กระพือออกมา  เสี่ยคนนี้เคยถูกเขารอบวางระเบิดที่ดิสโกเธค ที่เมืองอุบลฯ ก็ไม่เป็นอะไร  ตอนหลังถูกคนร้ายขึ้นไปเชือดคอในยามดึก  อยู่บนตึกตนเองชั้น ๓ เลี้ยงหมาไว้ ๑๐ ตัว  หมาพันธ์อาซาเชี่ยน  หมาฝรั่งตัวใหญ่ๆ  ค่าอาหารหมาเดือนหนึ่งหมด ๗ หมื่นบาท  เลี้ยงพระ ๕๐ รูปไม่ถึงเดือนละหมื่น   เลี้ยงหมาหมดเดือนละ ๗ หมื่นบาท ไว้คอยเห่าหอนคอยคุ้มกัน  จ้างบอร์ดี้การ์ดคอยคุ้มกันตนอีกตลอด ๒๔ ชั่งโมงปืนครบมือ  ซื้อรถคันเหมือนกันประกบหน้าหลัง  มีกระจกป้องกันกระสุนหมดไป ๒๕๐ ล้าน  เวลาออกไปไม่รู้ว่าใครอยู่คันไหน  ระวังถึงขนาดนั้น  สุดท้ายคนร้ายปีนขึ้นไปใช้มีดเชือดคอตาย   แล้วพวกที่เฝ้าอยู่ตรงนั้นเห็นคนร้ายปีนลงมา  ก็ยิงตกลงไปใต้ถุน  จับได้ยังไม่ตาย   คนนี้คายออกมาว่าเขาจ้างมา   คนที่จ้างคือลูกชาย  คิดเป็นเงินแล้วประมาณ ๑๗ ล้านบาท    ผู้เป็นลูกสุดท้ายก็เอาปืนยิงหัวตนเองตาย  นั่นคืออะไร  สิ่งที่พระพุทธเจ้าว่า  กมฺมโยนิ  กรรมทำให้เกิด  กมฺมพนฺธุ  กรรมเป็นสายเลือดเป็นเผ่าพันธ์  อย่าคิดว่าจะหนีพ้นกรรมพ้นเวรไปไหน 
          บางคนที่เกิดมาในท้องแม่ปั๊บแม่เกลียดหน้าพ่อ   นั่นแสดงว่าลูกคนนี้วิญญาณชั่วมาเกิดจะต้องค่อยๆประคับประคอง   พระเจ้าพิมพิสารเป็นพระเจ้าแผ่นดิน  นางเวเทหิเป็นอัครมเหสีพอตั้งครรภ์ปั๊บเห็นหน้าผัวไม่ได้น้ำลายไหลอยากกินเลือด  ไม่กล้าพูด   ผู้หญิงพอตั้งครรภ์จะแสดงอาการหิวมาก  กินอะไรก็ได้แต่อาเจียรออกมาเพราะวิญญาณตัวนี้มันไม่รับมันอยากจะกินเลือดพ่อ  แสดงอาการออกมาทางแม่    พระเจ้าพิมพิสารผิดสังเกตก็เลยถามว่า พระน้องนางทำไมถึงผอมลงๆ สบายดีหรือ  พระนางบอกว่า  หม่อมฉันไม่ได้เป็นอะไรสบายดี  จริงๆแล้วอยากจะบอก 
          สุดท้ายคืนหนึ่ง  พระองค์ก็ค่อยลวงถามเธอมีอะไรสำคัญในใจไหมที่ไม่กล้าพูด  ฉันคิดว่าเธอไม่น่าจะสบาย  บอกฉันเถอะมีอะไร  นางคิดมาหลายวันแล้วทนไม่ได้ลุกขึ้นนั่งกราบลงที่อุระ  ผัวนอนอยู่ลุกขึ้นกราบลงที่อกแล้วขอโทษ ถ้าหม่อมฉันพูดอะไรไปก็ขออภัยแม้จะมีโทษถึงชีวิต  เสด็จพี่ให้อภัยได้ไหม” “อย่าว่าแต่ชีวิตเลยอะไร ทุกอย่างฉันก็ให้เธอหมดแล้ว  ถ้าไม่ไว้ใจฉันเธอจะไว้ใจใครในโลก  นางก็กราบ ๓ ครั้งพูดออกมาว่า หม่อมฉันอยากกินเลือดเสด็จพี่พอพูดจบก็เอามือปิดหน้าร้องไห้เสียใจต่อถ้อยคำที่พูดพระเจ้าพิมพิสารบอกว่าถ้าบอกตั้งนานก็ได้กินนานแล้ว  เพราะความรักลูกในท้อง   เข้าใจได้ทันทีว่าเป็นเรื่องของลูก  ไม่ใช่เป็นเรื่องของแม่   ด้วยความรักลูกในท้องก็ลุกขึ้นเข้าไปในห้องพระเเสงไปเอาพระขรรค์ทองคำ แทงพระชานุ(หัวเข่า)เลือดไหล  รองเอาเลือดได้เลือดแล้วก็เอาไปให้พระมเหสี  พอเห็นเลือดเท่านั้นแหละ นางก็สั่นเทาเหมือนแม่มดถูกผีสิง  เห็นเลือดอยากกิน  มือสั่น  รับเลือดไปกินจนหมด   พอกินเลือดแล้วกราบขออภัย  หลังจากนั้นนางก็แจ่มใสเบิกบานไม่อยากอีก 
          เขาไปเอาโหรหลวงประจำสำนักมาทำนายว่าจะเป็นอะไร  หมอโหรหลวงก็พาซื่อบอกว่าพระราชกุมารนี้เมื่อประสูติออกมาจะเป็นผู้ชาย  เจริญเติบโตแล้วจะทำปิตุฆาต  จะฆ่าพ่อ   พอพูดจบก็ถูกฝ่ามือของพระเจ้าพิมพิสารตบหน้ากระเด็นไปเลย   เราไม่เชื่อเป็นไป  ไม่ใช่เป็นลูกโจรลูกหมา  พอลูกออกมาพ่อก็เลยตั้งชื่อให้มันเป็นเคล็ดว่า อชาตศัตรู  แปลว่า ผู้ไม่เกิดมาเป็นศัตรูใคร 
          เมื่อลูกเป็นฝีเจ็บปวดมาก  พอเห็นลูกร้องไห้สมัยก่อนการแพทย์ยังไม่เจริญ  ความรักของพ่อนั้นอุ้มลูกขึ้นมาเอาปากอมฝีนั้นดูดจนฝีแตกดูดหนองออกให้ลูก   แต่พอลูกเจริญเติบโตมาก็ฆ่าพ่อจริงๆ  ไปคบกับอาจารย์ชั่ว  คบคนชั่วมันฉิบหายวอดวายจริงๆ  ไปคบกับพระเทวทัต  พระเทวทัตอยากจะฆ่าพระพุทธเจ้า  แต่พระเจ้าพิมพิสารเลื่อมใสพระพุทธเจ้ามาก  ก็เลยยุยงให้เจ้าชายอชาตศัตรูนี้ฆ่าพ่อ  เพื่อจะได้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน  ตนเองก็จะฆ่าพระพุทธเจ้า 
          สุดท้ายก็วางแผนฆ่าพ่อตนเอง  เดินเข้าไปเยี่ยมพ่อเหน็บมีดสั้นเข้าไป  ทหารราชองครักษ์เห็นเขาก็เลยจับ  ถามว่าท่านเอามาทำไม  รู้นะว่าท่านกำลังคิดอะไร ก็ไปแจ้งความพระเจ้าพิมพิสาร  พระเจ้าพิมพิสารถามว่าทำไมหรือลูก  ก็เลยเล่าให้ฟัง  พ่อก็เลยบอกว่า  ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกลูกเอ้ย  พ่อก็จะเอาไว้ให้ลูกนี่แหละ   พอพ่อยกราชสมบัติให้แล้วยังไม่เสร็จไปกราบพระเทวทัตบอกว่า  เมื่อได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินแล้วจะสอนวิชาดีให้  เหาะเหินเดินอากาศก็ได้  แต่คนจะเรียนต้องเป็นพระเจ้าแผ่นดิน  บัดนี้ผมเป็นพระเจ้าแผ่นดินแล้ว  สอนให้ผมได้หรือยัง  พระเทวทัตบอกว่ายังไม่ได้เป็น เหมือนกับบรรหารยังไม่ได้ลาออกนั่นแหละ  บอกว่ายังไม่ได้เป็นเพราะพระเจ้าพิมพิสารยังรักษาการอยู่   เหมือนเอาสุนัขไปขังไว้ในกลอง  เมื่อมันหิวมามันก็จะกัดแทะหนังกลองแห้งนั้นออกมา  ต้องฆ่าพ่อทิ้งเสียก่อน 
          พระเจ้าอาชาตศัตรูคิดว่าเราฆ่าพ่อไม่ลงหรอก  ทำอย่างไรจึงจะตาย  เลยหลีกเลี่ยงวิธีฆ่าก็ไปสร้างคุกขังพ่อห้ามเยี่ยมห้ามส่งอาหาร  เดี๋ยวแกตายเองเราไม่ต้องฆ่า  แม่ก็แอบไปเยี่ยมเอาอาหารเอาข้าวใส่ในรองเท้าเข้าไปเยี่ยม  คนมันหิวเอาใส่รองเท้าให้ก็กิน  ตอนหลังนี่จับเท็จได้  คนยามบอกว่าตายไม่ได้ดอกเสด็จแม่ไปเยี่ยมทุกวันเอาข้าวใส่ในรองเท้า 
          สุดท้ายก็เลยบอกว่า  ห้ามไม่ให้แม่ใส่รองเท้าไปเยี่ยม  พระนางเวเทหิให้นางสนมป่นแป้งข้าวสาลีละเอียดแล้วเอามาทาเป็นเครื่องสำอาง  เหมือนพวกเราลักทาวันนี้แหละ  ถือศีล ๘ แล้วลักทาเครื่องสำอางไม่ได้นะ  นี่ทาเป็นเครื่องสำอาง  แล้วไปให้พระเจ้าพิมพิสารเลียกิน  ทั้งหมดนี้มีแต่โอชะ ก็เลียกิน  อายุก็ยืนอยู่ได้เป็นเดือน  เดินจงกรมนั่งสมาธิเฉย  พระเจ้าอชาตศัตรูก็ถามทุกวันว่าเสด็จพ่อเราเป็นอย่างไร  โอ้ย  ยังสบายเดินจงกรมอยู่  เพราะมีอาหารกิน  เลียกินอยู่ทุกวัน 
          ในที่สุดก็สั่งไม่ให้แม่เยี่ยม  พอไม่ให้แม่เยี่ยม  นางก็ขอขมาโทษ  เพราะจริงๆแล้วนางเวเทหิพยายามจะฆ่าลูกในท้อง  ตั้งแต่ได้ทราบข่าวจากหมอโหรทำนายว่าลูกคนนี้เกิดมาจะฆ่าพ่อ  นางแอบลาไปเที่ยวสวนอุทยาน  ให้นางสนมเหยียบท้องให้มันตายเสีย  ก่อนที่มันจะเกิดมาฆ่าพ่อ  แต่พระเจ้าพิมพิสารก็ตามไปเห็น   ไปเรียกนางสนมมาเฆี่ยนตี  ถ้าฉันเห็นอีกจะฆ่าให้ตายหมดเลย  ลูกของฉันอยู่ในท้องนี่  จะดีจะชั่วก็ตาม จะดีก็ลูก  จะเสียก็เลือด  จะเฉือนจะเชือดไปทำไม  นี้คือวิญญาณของพ่อ  แม้ยังไม่เห็นหน้าลูก  หรือรู้ว่าจะเป็นศัตรูอยู่ก็ยังรักปานนั้นนะ  พ่อแม่เราก็เหมือนกัน 
ผู้ปฏิบัติอานาปาณสติอดข้าวไม่ตาย    
          พอไม่ให้แม่เยี่ยม  พระเจ้าพิมพิสารไม่มีที่จะกินก็เลยนั่งสมาธิ  เป็นพระเจ้าแผ่นดินที่เข้าถึงธรรมขั้นโสดาบันแล้ว  ก็เลยใช้วิธีนั่งกินลมเป็นอาหาร  อานาปาณสติ  ที่เราฝึกอยู่ตรงนี้ ภาษาบาลีว่า  วาตะภักโข  กินลมเป็นอาหาร  เชื่อไหมถ้าเราเจริญอานาปาณสติดีๆดูลมหายใจให้มันเป็น  ทำอย่างไรกายจะเย็น  ทำอย่างไรใจจะเย็น  ดูให้เย็นก็ได้ดูให้ร้อนได้  ไม่ต้องกินข้าว  อาตมาเชื่อว่าอดข้าวสามเดือนไม่มีทางตาย
          แต่ก่อน ศาลาหลังนี้ยังไม่มีพระเณรมาบวช  อยู่ที่นี่มีแต่เจ้าแต่นายอ่อนแอ  เพราะเกิดเป็นลูกผู้ดี  มันอ่อนแอเคยกินดีอยู่ดี  เป็นครู เป็นแพทย์ เป็นตำรวจ  เป็นอะไรมาให้กินข้าววันละครั้งเดียวสมัยก่อนอาหารก็อด  อดกว่าทุกวันนี้  ได้กินแต่ปลากระป๋อง  อาตมาไปเทศน์ไหนก็ได้แต่ปลากระป๋องมา  พวกเจ้านายนี้ก็เริ่มพร่ำบ่น  โอ้ยไม่ไหวหรอกครับอาจารย์   เป็นโรคกระเพาะตายแน่  ตายจังได๋ได้กินอยู่  ข่อยคือบ่อตาย  กินแต่ปลากระป๋อง  เป็นอะไรปลากระป๋อง  มันไม่อร่อย  อยากจะให้มันอร่อยไหมหละ  ถ้าอยากให้อร่อยอดข้าวสัก ๗ วัน  มองเห็นกระดาษห่อปลากระป๋องน้ำลายไหล  เท่านี้เขาไม่กล้าอด 
          อาตมาก็เลยอดข้าวให้เขาดู ลองอดอาหารครั้งแรก เราก็ตั้งใจว่าจะอดเล่นสัก ๗ วันเพื่อเป็นตัวอย่างแก่เขา ๑๐ วันแล้วก็ยังเฉยๆอยู่  อดไปได้ ๒๑ วัน  กินแต่น้ำเปล่าๆ ไม่ให้กินน้ำส้มน้ำหวานนะ  ถ้ากินน้ำส้มน้ำหวาน  มันไม่ดีจะเมา  มันจะเจ็บหน้าอก  กลืนเข้าไปแล้วก็ส้ม  สู้น้ำสะอาดเปล่าๆนี้ไม่ได้  ได้ ๒๑ วัน  ก็ไม่รู้สึกว่าจะเหน็ดเหนื่อย   เชื่อว่าจะอดอยู่ได้เป็น ๓ เดือน  แต่เราก็ไม่ได้ทรมานให้มันตาย  
อำมาตย์สิริคุตมารับวิญญาณคนตาย    
          ในขณะที่อดข้าว มีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้นในวันที่ ๑๘ ฝันประหลาด  เหมือนเราสวดว่า  อชฺเชว   กิจฺจมาตปฺปํ  โก  ชญฺญา  มรณํ  สุเว (.อุ.๑๔/๕๒๖/๓๔๘) ความเพียรเป็นกิจที่ต้องทำในวันนี้  ใครจะรู้ความตายแม้พรุ่งนี้   เราไม่สามารถจะรู้ความตายแม้พรุ่งนี้  วันที่ ๑๘ ที่อดข้าว เวลาเช้า อาตมานั่งสมาธิ  มันรู้สึกอยากจะนอน  ก็เลยปล่อยให้มันหลับแต่เราไม่นอนให้มันนั่งหลับ  พอหลับปั๊บฝันเห็นคนตัวใหญ่เท่ากับถังน้ำ  ไม่รู้มาจากไหน  ตัวดำๆใส่ผ้าชุดแดงๆสีส้มหิ้วหัวคนมาพะลุงพะลังด้วยมือสองข้าง  เหมือนกับเราไปยามเบ็ด  หิ้วมาเป็นพวงเลย  มีแต่หัวคน  เลือดหยาดสดๆ  มีหัวคนเน่าก็มี  แห้งก็มี  ขึ้นอืดก็มี  น้ำเหลืองเยิ้มมาก็มี 
          อีกคนหนึ่งไม่หิ้วหัวใครมาแต่ตัว  มากราบ ท่านอาจารย์ครับ วันนี้อย่าให้พระไปไหนนะ  ทำไมละ  พระวัดบ้านหมดบุญแล้ว ผมจะมาเอาเจ้าอาวาสวัดบ้าน  เอาไปทำไมท่านกำลังพาชาวบ้านทำกำแพงวัดอยู่  ผมมาเอา  อย่าเอาไปนะขอไว้ เดี๋ยวกำแพงไม่เสร็จวัดจะร้าง  ไอ้คนที่ถือหัวมันคงจะเหนื่อยปวดแขน เดินถือวนไปเวียนมา  
          อาตมามองดูจำได้ ๔ หัว  สองหัวแห้งๆนั้นเป็นหัวชาวบ้านแพดนี้ตายไปแล้วประมาณ ๘ ปีเป็นหัวแห้ง   อีกสองหัวเป็นชาวบ้านที่อยู่ใกล้ๆบ้านแพดนี้  หัวผู้หญิงคนหนึ่ง  หัวผู้ชายคนหนึ่ง  เขายังไม่ตาย   แต่เราเห็นถูกหิ้วหัวมานี่  จำได้  คนนี้ใส่บาตให้เราอยู่ฝ่ายหญิง  แต่ฝ่ายชายนี้ไม่เคยใส่บาตหรอกเขาเคยแต่ฆ่าวัวฆ่าควาย  เล่นไฮโล  พอจำได้เขาใส่บาตให้ฝ่ายหญิงวันนี้ถูกหิ้วหัวกำลังบวมมาแล้ว  บอกว่า อย่าเอาไปนะเจ้าอาวาสวัดบ้าน  ขอทานไว้  ท่านยังทำบุญอยู่  มันก็หัวเราะแหงนหน้าขึ้นฟ้า  หัวเราะฮ้าๆๆ ฟันเท่าลูกจอบนี่  แล้วมันก็พากันไป   อาตมาตะโกนตามหลังว่า อย่าเอาไปนะ
          ตามทางศาสนาท่านเรียกว่า อำมาตย์สิริคุต อำมาตย์พญายม   อำมาตย์มัจจุราช  มาลากไปเลยใครถึงเวลาตายแล้ว  นอนหลับๆอยู่ไม่ปลุกบีบคอแอ๊กไปเลย  เรียกว่า  ไหลตาย  มัจจุราชไม่ได้บอกนะ  ตื่นนะโว้ยข้ามาเอาตัวแล้ว  ไม่ได้พูดนะกำคอแอ๊กไปเลย  เรียกว่า ไหลตาย 
          อาตมาตื่นขึ้นมาก็ไม่ได้นอนเรานั่งหลับอยู่ ปฏิบัติธรรม ๑๘ วันไม่ได้พูดไม่ได้กิน  เลยไปที่โรงครัว ไปถามข่าวหาคนในความฝัน ฝ่ายหญิงบอกว่ากำลังเป็นไข้ทับระดูเพิ่งออกมาจากโรงพยาบาล  ฝ่ายชายก็กำลังไข้เหมือนกัน  เราแน่ใจเลยว่าไอ้คนที่หิ้วหัวมานี่มันเอาไปแล้ว พอตกเย็นมาหน่อยเราก็ได้ยินเสียงธรณีกรรแสง  แล้วก็เห็นชาวบ้านเอาผ้าพาดบ่าถือขันห้ามานิมนต์พระ  ฝ่ายชายตายก่อน ตอนเช้ามาอีกเสียงธรณีกรรแสงดังขึ้น  แล้วฝ่ายหญิงก็ตาย  อันนี้เล่าให้ฟัง เราประมาทไม่ได้เลยในเรื่องเหล่านี้ 
ผู้ปฏิบัติอานาปาณสติมีลมเป็นอาหาร   
          ทีนี้  เมื่อมันเป็นเช่นนั้นเราทำไมจึงนั่งอยู่ได้นานๆโดยไม่ได้กินอาหาร  ลมหายใจนี้เป็นอาหาร  เมื่อเราหายใจมีชีวิตอยู่  มีดิน น้ำ  ไฟ  ลม   ในลมนี้มีน้ำ  ถ้าลองเอากระจกส่องหน้ามาหายใจใส่นานๆเข้ามันจะมีดินเป็นคาบดิน   ในลมหายใจนี้มันมีดิน น้ำ ไฟ ลม ธาตุทั้ง ๔ เจืออยู่อย่างละเอียด  เพราะฉะนั้นผู้ที่ฝึกสมาธิเก่งเขามีเทคนิคเรียกว่า  วาตภกฺโข  กินลมเป็นอาหาร  จะไปหิวอะไรวันสองวันสบายมาก ๑๐ วัน ๒๐ วันสบายมาก  เพราะฉะนั้นจึงพาลูกหลานฝึก 
          พระเจ้าพิมพิสาร เมื่อไม่ได้กินอาหารแล้วก็นั่งสมาธิ เดินจงกรมเป็นเดือน  อชาตศัตรูเห็นว่าอย่างนี้ไม่ตายง่ายแน่  สั่งช่างตัดผมไปเอามีดโกนแหกฝ่าเท้าแล้วเอาเกลือทาแผล ตรงนี้เจ็บปวดทรมานมากไม่ไหว  พระเจ้าพิมพิสารทรมานมากก็เลยตาย  ถ้าไม่ทำอย่างนั้นก็คงไม่ตายง่ายๆ 
          พอพ่อตายปั๊บ  มเหสีคลอดลูก  เมียออกลูกพ่อตาย  อำมาตย์สองคนวิ่งมาแจ้งข่าว  คนหนึ่งจะแจ้งข่าวเกิด  คนหนึ่งจะแจ้งข่าวตาย  คนหนึ่งหัวเราะเพราะข่าวดี  อีกคนหนึ่งเอาข่าวเศร้ามาถึง  ขอเดชะพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม  บัดนี้พระอัครมเหสีประสูติแล้ว  ถามว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย  เป็นผู้ชายพระเจ้าข้าดีใจเหลือเกินเป็นผู้ชาย  ดีใจมากเลย ฉันได้ลูกชายแล้ว  พอนึกถึงวันที่ตนมีลูกชายนี้ดีใจนึกถึงพ่อว่า วันเราเกิดพ่อเราจะดีใจอย่างนี้ไหม  หันมาถามหมออำมาตย์เฝ้าคุกว่าพ่อของฉันเป็นอย่างไร  บัดนี้ พระองค์ทรงสวรรคตแล้ว  เพราะทนต่อพิษบาดแผลไม่ได้   พ่อของเราดีใจมากใช่ไหมในวันที่เราเกิด  อย่าว่าจะดีใจขนาดนี้เลย  ข้าพระองค์จำได้วันหนึ่งเมื่อพระองค์มีฝีกำลังกัดหนอง  เสด็จพ่อได้เอาพระโอฐอมแล้วดูดหนองในฝีนั้นออกมาให้   พอถึงตรงนี้ พระเจ้าอชาตศัตรูเป็นลมสลบเสียใจ นึกถึงพ่อแล้วก็สำนึกได้  เราไปคบคนชั่วเราจึงต้องฆ่าพ่อ  เสียใจเอาอย่างมากเลย  พ่อรักเราขนาดนี้ 
          เล่าให้ฟัง นี้คือความต่อกันเข้าระหว่างวิญญาณ  วิญญาณศัตรูมาต่อเข้าจะเป็นอย่างนี้  เราไม่สามารถจะจำได้   อถ  กมฺมวิวตฺเตน  เพราะเหตุแห่งการหมุนเวียนแห่งกรรม  ปัจจุบันนี้อาจจะเป็นไปได้เมื่อตั้งท้องแล้วอยากดมกาว  วิญญาณกาวมันจะมาเกิด  เพราะเหตุนั้น  คนโบราณท่านจึงบอกว่า  ถ้าอยากได้ลูกดี พ่อแม่ต้องอยู่ในศีลในธรรม  เวลาวิญญาณดีมาเกิดเขาก็เลือกพ่อเลือกแม่ที่มีศีลมีธรรม ถ้าพ่อแม่ไม่มีศีลมีธรรม วิญญาณผีวิญญาณชั่วนั้นแหละมาเกิด 
คนจะดีหรือชั่วดูที่จิตใจ       
          เพราะฉะนั้น ให้ลูกหลานเข้าใจว่าตรงนี้จะมีที่ต่อกันอย่างนี้  ลูกอาเสี่ยชาวเมืองอุบลฯคงจะเป็นวิญญาณศัตรูของพ่อจึงต้องมาเกิดเป็นลูกของพ่อแล้วฆ่าพ่อ หลังจากฆ่าพ่อแล้วจนตรอกเอาปืนยิงตัวเองตาย  คล้ายๆว่าเกิดมาให้ได้ล้างแค้นก็พอ  เงินฝากอยู่ธนาคารสวิตเซอร์แลนด์  ๒๕๐ ล้านไม่ได้มีความหมายอะไร ดูในรูปภาพเขาเป็นคนรูปหล่อมาก  คนงามตระกูลสูง  แต่จะเอาอะไรเป็นเครื่องวัดระหว่างรูปร่างหน้าตามันต้องเอาจิตใจเป็นสำคัญ   คนโบราณจึงบอกว่า 
                ฮูปงามเนื้อหนุ่มแน่นสกุลใหญ่ไพศาล    ต่ำทรามกิริยาวิชาการกะบ่อดูงามได้  
                คือดั่งดวงดอกไม้ทองจานแดงเดื่อ     เหลือแต่งามหากบ่อมีกลิ่นเซื้อหอมหั้วคู่ศรี 
                ลูกไพร่ได้เป็นอำมาตย์มนตรี     ลูกคนโง่ได้เกิดเป็นเมธีฉลาดในธรรมได้ 
                ลูกฝูงคนทุกข์ไฮ้กลายเป็นคนฮ่างกะมีใด๋    ย้อนว่าบุญบาปเบื้องกรรมพุ้นส่งมา
 ลูกคนโง่ๆกลายเป็นบัณฑิตมหาบัณฑิตก็ได้  ลูกดอกเตอร์กลายเป็นคนโง่ก็ได้  ลูกตระกูลดีๆกลายเป็นคนชั่วก็ได้  ลูกชาวไร่ชาวนากลายเป็นคนที่มั่งมีศรีสุขเป็นนักปราชย์บัณฑิตก็ได้  อยู่ที่กรรมที่เขาสั่งสมมา   เยื่อใยยางแห่งจิตใจ 
          วันนี้  ลูกหลานมาสั่งสมเยื่อใยยางแห่งใจ  เจริญทั้งศีล สมาธิและปัญญา  ยังไม่จบเห็นว่าเวลามันสมควร  พรุ่งนี้เราจะต่อว่าเราจะถือเอาสาระแก่นสารแห่งชีวิตนี้อย่างไร  อาตมาเห็นว่าเวลามันนานพอสมควรแล้ว  ให้พร้อมกันไหว้พระย่อๆแล้วแผ่เมตตาให้พ่อแม่ ให้บุคคลผู้มีบุญคุณ  หลังจากนั้นก็จะแยกกัน  ฉันน้ำปานะ  เมื่อเสร็จให้เดินเป็นแถวออกไปข้างนอกไปสูดอากาศบริสุทธ์จากทะเลสาบ  
          บัดนี้สมควรแก่เวลา  ได้เล่าเรื่องชีวิตคืออะไร  ชีวิตเป็นอย่างไร ยังไม่สมบูรณ์ ทำความเข้าใจกับชีวิตให้ชัดเจนขึ้น  เราจะไม่ได้ปฏิเสธเรื่องโลกนี้โลกหน้า  แล้วเราจะได้ตั้งใจสั่งสมคุณงาม  ความดี  เพื่อกระแสแห่งวิญญาณของเราให้มันดีขึ้นยิ่งกว่านี้  สำหรับวันนี้สมควรแก่เวลาขอยุติลง 
          ขอความเจริญงอกงามในศีลในธรรม  ในอริยายะธรรม  จงบังเกิดมีแก่ลูกแก่หลาน  เป็นที่รักของเทวดาของมนุษย์ทั้งหลายที่ได้พบเห็น  ได้เป็นลูกที่ดีของพ่อของแม่  เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์  เป็นพลเมืองที่ดีของชาติ  เป็นทายาทที่ดีของพระพุทธศาสนา  ดำรงอยู่ดำเนินไปของชีวิตอันดีอันงามสืบไป  ด้วยอานุภาพแห่งศีลแห่งธรรม  ทุกท่านทุกคนเทอญฯ                                   
  


[1] อบรมนักเรียนอาชีวศึกษาจังหวัดอุดรธานี  ถอดเทปโดย สามเณรบัญชร  แสนบุตร    เรียบเรียงโดย
   พระมหาสุนทร  สุนฺทรธมฺโม  ผู้อำนวยการสำนักวิชาการ
[2] วัดไตรสิกขาทลามลตาราม  บ้านฝาง  ตำบลแพด  อำเภอคำตากล้า  จังหวัดสกลนคร  ๔๗๒๕๐ 
   โทร  ๔๒๙๘๑๒๒๗,-๑๘๗๑๙๘๔๕

1 ความคิดเห็น: